วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2562

Astronomy News

ข่าวดาราศาสตร์ประจำวัน :
แปล
        
       NASA's new Transiting Exoplanet Survey Satellite (TESS) เป็นโครงการที่นำดาวเทียมผ่านดวงดาวเกือบ 40000 ดวง เพื่อที่จะค้นหาดาวดวงใหม่ที่สามารถอาศัยอยู่ได้
ทีมนักดาราศาสตร์จาก Cornell University, Lehigh University และ Vanderbilt University ซึ่งนำโดย Lisa Kaltenegger ได้พบดาวที่เหมาะสมที่สุดจาก TESS Habitable Zone Star Catalog ที่ตีพิมพ์ใน Astrophysical Journal Letters. ซึ่งรวมดาว 1,822 ดาวที่มีลักษณะคล้ายโลกและได้รับรังสีใกล้เคียงกับโลกแต่มีขนาดใหญ่กว่าที่ TESS สามารถพบได้ ซึ่งมี 408 ดวงที่ขนาดใกล้เคียงโลก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Lisa Kaltenegger
Lisa Kaltenegger
       
        Kaltenegger ได้กล่าวว่าแม้เราจะอยู่ได้ทุกสภาพแวดล้อม แต่เป็นการดีกว่าหากได้สภาพที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต กล่าวคือ เป็นดาวเคระห์หินที่มีน้ำอยู่ จึงเป็นที่มาของเราซึ่งค้นหาดาวที่ใกล้เคียงโลก และยังได้กล่าวถึงแคตตาล็อคจาก TESS ว่ามีความสำคัญสำหรับนักสถิติที่ต้องการมองหาดาวดังกล่าวที่ใกล้ที่สุด ซึ่งข้อมูลจาก TESS พบว่าในแคตตาลอคได้พบดาว 2 ดวงที่มีคาบโคจรใกล้เคียงกับโลก จึงทำให้มันเป็นดาวเคราะห์ที่เหมาะสมที่จะอาศัยอยู่ แม้จะไม่ค้นพบสิ่งมีชีวิตก่อนหน้าก็ตาม
        นอกจากนี้ TESS ยังได้ตรวจพบดาวอีก 227 ดวง ที่ได้รับรังสีใกล้เคียงโลก และทำให้สามารถกำหนดขอบเขตในการสำรวจดาวที่อาศัยได้ หรือ Habitable Zone ได้ ลักษณะดาวทั้ง 227 ดวงคือ เป็นดาวแคระที่เริ่มเย็นตัวแล้วแต่มีการส่องสว่างอยู่ และ มีอุณหภูมิพื้นผิว 2700 - 5000 เคลวิน ซึ่งดาวที่ใกล้ที่สุดอยู่ไกล 6 ปีแสงจากโลก โดยมี 137 ดวงที่กล้องโทรทรรศน์เจมส์เวบบ์มองเห็นได้ โดยผลการค้นพบของ TESS จะเป็นตัวกำหนดเป้าหมายในการสำรวจพื้นผิวของกล้องโทรทรรศน์ใหม่ที่กำลังสร้าง เพราะดาวดังกล่าวมีความสว่างมากจึงทำให้มองเห็นง่ายขึ้น


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ james webb
กล้องโทรทรรศน์เจมส์เวบบ์

ผู้นำโครงการได้กล่าวว่าแม้เราจะไม่รู้ว่าจะพบดาวเคราะห์กี่ดวงและอาศัยได้หรือไม่ แต่เราก็พร้อมที่จะเสี่ยง และมีการศึกษาออกมาว่ามีดาวเคราะห์หินมากในบริเวณที่มีดาวแคระรูปแบบดังกล่าว 



Joshua Pepper จาก Lehigh University รวมถึง Keivan Stassun และ Ryan Oelkers จาก Vanderbilt University ได้เป็นผู้จัดทำแคตตาลอคนี้ ซึ่งได้พัฒนาจากแบบเก่าของ Vanderbilt University โดย Stassun ยืนยันว่า "นี่เป็นก้าวสำคัญของมนุษยชาติที่จะเดินทางสู่ที่อยู่ใหม่ "



วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

วิธีทำน้ำมะตูม

น้ำมะตูม น้ำสมุนไพรไทยหอม ๆ หวาน ๆ อย่างน้ำมะตูมที่ครั้งไหนได้ดื่มเป็นต้องชุ่มคอทุกครั้งไป เดินทางไปไหนมาไหนเหนื่อย ๆ ถ้าได้น้ำมะตูมสักแก้วก็จะหายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้ง แก้กระหายน้ำได้ดี แถมยังช่วยขับลมจุกเสียดในท้อง รักษาโรคกระเพาะ และโรคลำไส้ได้อีกด้วยเพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ วันนี้เราจึงนำสูตรการทำน้ำมะตูมมาฝากให้ลองทำดื่มแก้กระหายกันดูครับ


สิ่งที่ต้องเตรียม


  1.            มะตูมแห้ง 5 ชิ้น
  2.            น้ำ 1 ลิตร
  3.            น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
  4.            น้ำแข็งสำหรับรับประทานคู่


 วิธีทำ

           1. นำมะตูมแห้งไปย่างไฟ หรือคั่วในกระทะจนมีกลิ่นหอม เตรียมไว้

           2. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางต้มจนเดือด ใส่มะตูมที่ย่างไฟเตรียมไว้ลงต้มจนน้ำเปลี่ยนสี หรือนานประมาณ 10 นาที จากนั้นใส่น้ำตาลทรายแดง คนผสมจนน้ำตาลละลายหมด ยกลงจากเตา กรองเอากากออก พักทิ้งไว้จนเย็น เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง พร้อมดื่ม

นอกจากนี้ น้ำมะตูมยังมีประโยชน์อีก 16 อย่างคือ
  1. ผลสามารถนำมารับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง
  2. สามารถนำมาใช้ทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วยการนำผลมะตูมไปผสมกับมะขาม
  3. เมื่อกรองได้น้ำและนำมาเติมน้ำตาลจะได้เครื่องดื่มที่มีรสชาติคล้ายกับ “มะนาว”
  4. ใบอ่อนของมะตูมนำมารับประทานเป็นผักสลัดได้
  5. หรือจะนำใบอ่อนมาใช้กินกับน้ำพริก หรือลาบก็ได้
  6. ผลแก่แต่เปลือกยังนิ่ม เมื่อนำมาฝานสามารถนำมาทำเป็นมะตูมเชื่อมได้
  7. มะตูมใช้เป็นส่วนผสมของขนมหลายชนิด
  8. มะตูมสุก เนื้อเละสามารถนำมารับประทานเป็นผลไม้ได้
  9. ผลแก่แต่ไม่สุก ใช้รับประทานเป็นยาบำรุงร่างกาย รักษาธาตุ บำรุงธาตุไฟ
  10. ผลสุกสามารถนำมาใช้เป็นยาระบายได้
  11. ช่วยรักษาอาการท้องร่วง ท้องเดิน โรคลำไส้
  12. ใช้รักษาอาการท้องผูกเรื้อรังได้
  13. ใบสดนำมาคั้นเอาน้ำ ใช้แก้หวัด
  14. เปลือกรากและลำต้น จะช่วยแก้อาการไข้จับสั่น
  15. แก้ลม แก้มูกเลือด
  16. ช่วยรักษาอาการหลอดลมอักเสบ